วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ขอเรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน รวมทั้งพี่น้องชาวจังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดอื่นๆเรียนเชิญ เรียนเชิญร่วมบริจาคทุนทรัพย์ร่วมสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระอุโบสถ”โลกุตรธรรม๙” ณ วัดป่าธรรมธาราหรือ

ขอเรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน
รวมทั้งพี่น้องชาวจังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดอื่นๆเรียนเชิญ
เรียนเชิญร่วมบริจาคทุนทรัพย์ร่วมสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ 
พระอุโบสถ”โลกุตรธรรม๙” ณ วัดป่าธรรมธาราหรือ
ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระอุโบสถหรือบริจาคตามศรัทธาได้
หากท่านมีศรัทธาที่จะร่วมสร้างอุโบสถหลังใหม่
เรียนเชิญบริจาคทรัพย์ตามกำลัง ศรัทธา ณ
วัดป่าธรรมธาราอำเภอปางศิลาทองจังหวัดกำแพงเพชร
ร่วมบริจาคได้ที่สำนักงานวัดป่าธรรมธาราได้ทุกวัน
ที่อยู่
หมู่ ๔ บ้านเขาน้ำอุ่น ต.หินดาต อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร

พระอุโบสถ”โลกุตรธรรม๙” กำลังก่อสร้างสร้าง


วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วัดสาขาวัดเขาสุกิม วัดป่าธรรมธารา อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร

        

                ประวัติ หลวงปู่สมชาย วัดเขาสุกิม

                             http://www.khaosukim.org/khaosukim/





_____________________________________________________________

หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม จันทบุรี
ปัจจุบันท่่านมรณภาพแล้ว
                                             นี้เป็นเทปบันทึกไว้ตั้งแต่เมื่อท่านยังมี­ชีวิตอยู่
                                             ท่านเมตตาเล่าเรื่องอดีตชาติของท่าน
                                             ที่เคยเกิดเป็นฤาษีที่วัดเขาสุกิม
                                             และเล่าเหตุการณ์โดยย่อเมื่อครั้งเป็นพระใ­หม่
                                             ตั้งใจบำเพ็ญภาวนา จนเป็นไข้ป่า



                                     http://www.youtube.com/watch?v=CDX_ZyQWioc



______________________________________________________________

หลวงปู่สมชาย   เทศนาเรื่องของใจ


________________________________________________________________________                      
                หลวงปู่สมชาย เทศนาเรื่อง โลกทิพย์


                                   

_______________________________________________________________________________

รายชื่อวัดสาขา 

วัดเขาสุกิม ปรับปรุงล่าสุด วันที่ 18 พ.ค. 2549


                http://www.khaosukim.org/pdf/sakhawatkhaosukim.pdf




          พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ 

          ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ณ 

          วัดป่าธรรมธารา อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร





                                     


                                         รายการเที่ยวละไมไทยแลนด์ มาที่วัดป่าธรรมธารา



วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วัดป่าธรรมธารา กำแพงเพชร


                                   

                                        วัดป่าธรรมธารา  อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร















หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย และพระครูธรรมธรวิชัย อภิฐาโน




พระครูธรรมธรวิชัย อภิฐาโน เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมธารา



ประวัติ และสภาพที่ตั้งวัดป่าธรรมธารา กำแพงเพชร

            ประวัติวัดป่าธรรมธาราหมู่ ๔ บ้านเขาน้ำอุ่น  ต.หินดาต  อ.ปางศิลาทอง  จ.กำแพงเพชร

วัดป่าธรรมธารา (เขาน้ำอุ่นตั้งอยู่หมู่ที่ ๔  บ้านเขาน้ำอุ่น  ต.หินดาต  อ.ปางศิลาทอง  จ.กำแพงเพชรก่อตั้งเมื่อ   พ..๒๕๒๗  โดยชาวบ้านเขาน้ำอุ่น  ได้แก่  พ่อใหญ่แท่น  และนายคำพลอย  ร่วมกันถวายที่ดินคนละ  ๖  ไร่  นางน้อย  ถวายที่ดิน  ๑  ไร่       รวมถวายที่ดินทั้งหมด  ๑๓ ไร่ก่อตั้งเมื่อ   พ..๒๕๒๗  โดยชาวบ้านเขาน้ำอุ่น  ได้แก่  พ่อใหญ่แท่น  และนายคำพลอย  ร่วมกันถวายที่ดินคนละ  ๖  ไร่  นางน้อย  ถวายที่ดิน  ๑  ไร่       รวมถวายที่ดินทั้งหมด  ๑๓ ไร่แด่

ท่านหลวงพ่อสมชาย  ฐิตวิริโย

วัดเขาสุกิม  จ.จันทบุรี  หมู่บ้านเขาน้ำอุ่นนี้มีครัวเรือนประมาณ  ๒๕๘  ครัวเรือน  ประชากรจำนวน  ๑,๒๗๖ คน
     สภาพและตำแหน่งที่ตั้ง

                วัดป่าธรรมธารา  ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาน้ำอุ่น  ห่างจากโรงพยาบาลปางศิลาทองประมาณ  500  เมตร  อยู่ห่างจากโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ 2 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากตัวอำเภอปางศิลาทองประมาณ  7 กิโลเมตร   อยู่ติดถนนสาย  คลองลาน ลาดยาว  วัดตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาน้ำอุ่น   ในอดีตเคยเป็นเทือกเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง  แต่เนื่องจากได้ถูกชาวบ้านและนายทุนบุกรุกแผ้วถาง  จนกลายสภาพเป็นภูเขาหัวโล้นโล่งเตียนและเกิดไฟไหม้ป่าขึ้นทุกปี  จนกระทั่งบริเวณเทือกเขาได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งหนึ่งจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถชื่อว่า " โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ และจากการช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่ป่า  ซึ่งนำโดยท่านพระครูธรรมธรวิชัย   อภิฐาโน  ภายหลังจากที่ท่านได้เดินทางมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมธารา                จนในปัจจุบันสภาพป่าที่เคยเสื่อมโทรมค่อยๆ  กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง   และท่านพระครูธรรมธรวิชัย   อภิฐาโน  ได้เป็นผู้ชักนำให้ชาวบ้านได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม  โดยการร่วมกับชาวบ้านและหน่วยงานราชการได้ช่วยกันอนุรักษ์ และปลูกป่าซ่อมแซมในวาระสำคัญ ๆ   ต่าง ๆในอดีตจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในยุคแรก ๆ ที่ได้มีการย้ายถิ่นฐานมาอยู่บริเวณนี้เล่าว่า  เดิมบริเวณแห่งนี้เป็นป่ารกทึบ  และได้มีชาวบ้านเข้าไปหาของป่าและทำไร่ในบริเวณนั้นแล้วพบแหล่งน้ำธรรมชาติซึ่งมีขนาดความกว้างเท่ากับรอยเท้าช้าง  รอย อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน  บ่อที่ คือ บ่อน้ำเย็น  บ่อที่ 2 คือ บ่อน้ำร้อนซึ่งชาวบ้านได้ทดลองนำไข่ไปต้มในบ่อน้ำร้อนพบว่าไข่สุก  ขณะนั้นชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้รักษาโรคได้  นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเล่าอีกว่าได้พบแสงประหลาดไม่ทราบว่ามาจากที่ใด  แต่มักจะปรากฎอยู่บริเวณบ่อน้ำนั้น จนกล่าวขานกันว่า บริเวณนี้มีเหล็กไหล”  จนกระทั่งมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพากันมาค้นหาเหล็กไหล  แต่ไม่สามารถค้นหาได้  ต่อมามีพระภิกษุซึ่งนับว่าเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดพร้อมด้วยชาวบ้านมีความคิดว่าจะขยายบ่อน้ำเพื่อบูรณะและใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำร้อน แต่มีเหตุการณ์ประหลาดจนในที่สุดก็ไม่สามารถขุดขยายได้จึงล้มเลิกโครงการนี้ไปจากเหตุการณ์นี้ทำให้บ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำเย็นรวมเป็นบ่อเดียวกันซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกว่า บ่อน้ำอุ่น                ชาวบ้านยุคแรกที่เข้ามาใช้ประโยชน์ในบริเวณบ่อน้ำอุ่น  ได้แก่ พ่อใหญ่แท่น  เยาว์ไธสงค์  (ผู้ให้ข้อมูล)  , พ่อใหญ่ส่ง   ม่วงเรือง, พ่อใหญ่ทุย   พรหมแสง , พ่อใหญ่เหนาะ  สวนมีสาร  และนายพลอย  อ่อนสม  ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินใกล้บ่อน้ำอุ่น                                                                                              
ในปัจจุบัน ได้มีชาวบ้านใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำอุ่น โดยต่อท่อ พีวีซี ไปใช้ในการอุปโภคบริโภคหลายร้อยหลังคาเรือน คาดไม่ถึงว่าน้ำจากบ่อเล็ก ๆ ในเทือกเขาน้ำอุ่นแห่งนี้ จะสามารถหล่อเลี้ยงชาวบ้านเขาน้ำอุ่นได้เกือบทั้งหมู่บ้าน            
        แหล่งน้ำสำคัญ   :   ภายในบริเวณวัดป่าธรรมธาราแห่งนี้ ประกอบด้วยแหล่งน้ำที่มีความสำคัญอยู่  แห่ง  ได้แก่  บ่อน้ำอุ่น   และบ่อน้ำเย็น
               1. บ่อน้ำอุ่น   เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีน้ำซึมมาจากใต้ดินไหลตลอดทั้งปีน็น้hhhhhhhhhhซึ่งมีความสำคัญเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของชาวบ้านหมู่บ้านเขาน้ำอุ่นก็ว่าได้  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  เพราะชาวบ้านได้ใช้น้ำในบ่อนี้ในการอุปโภค บริโภค                2. บ่อน้ำเย็น    เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีน้ำซึมมาจากใต้ดินไหลออกตลอดทั้งปี ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้นำมาใช้สำหรับอุปโภค บริโภค ภายในวัดเท่านั้น  เดิมทีเป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ   พบภายหลังบ่อน้ำอุ่น  ต่อมาได้มีการขุดลอกขยายเพื่อใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
                เป็นที่น่าสังเกตว่าบ่อน้ำทั้ง ตั้งอยู่ขนาบข้างของวัด  ต่อมาท่านพระครูธรรมธรวิชัย   อภิฐาโน ได้เล็งเห็นประโยชน์จากบ่อน้ำเย็น จึงมีโครงการขุดลอกสระน้ำเพิ่มเติมภายในบริเวณวัดจำนวน  สระ  เพื่อให้ประชาชนได้นำไปใช้ทำการเกษตรต่าง ๆ ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งได้ขุดสระใหญ่ไว้ให้ญาติโยมสำหรับปล่อยปลา  หรือ พาลูกหลานมาเลี้ยงปลาในเวลาว่าง

พระธรรมเทศนา ของพระนครูธรรมธรวิชัย อภิฐาโน

พระธรรมเทศนาพระอาจารย์วิชัย  อภิฐาโน

     คือหลวงปู่สมชาย นั้นแหละจากเดิมที่ผ่านมาเราไม่เคยจะดูแลจิตใจของเราเลย  ไม่เคยคิดที่จะห่วงใจเราเลย เราไปห่วงแต่กายกลัวกายจะไม่สุข  กลัวกายจะไม่สบาย กลัวจะไม่สวยไม่งาม  แต่หลวงปู่ท่านสอนให้เรา  ไม่ไปยึดมั่นถือมั่นกับมันเพราะอะไร   ก็เพราะร่างกายสังขารของเรามันไม่เที่ยงไม่จีรังไม่ ยั่งยืน ไม่มีใครเอาไปได้แม้แต่ร่างกายของเรา  ที่ท่านเคยคุยให้ฟังอย่างนั้นเราชักจะปลงได้  ก็ไปทำบุญมาหลายวัด   แต่ก็ไม่เคยเห็นพระองค์ไหนพูดอย่างนี้  เลยทำให้เราอยากศึกษาข้อวัตรกับท่าน
นำมาใช้ที่วัดป่าธรรมธารา  ก็เลยคุยสู่กันฟังเล็กๆ น้อยๆ  มีอะไรอีกไหม  ถ้าไม่มีก็จะเอวังละกันนะเดี๋ยวจะได้แยกย้าย
                              *****************************************

                 ขอให้บวชตลอดชีวิตทุกชาติด้วยนี่คือคำอธิษฐานของเรา  ก็เป็นแต่ตัวนี่นะไม่อยากเล่าให้ฟังเดี๋ยวจะหาว่าพระองค์อวดเก่ง  มันจะแน่ซักแค่ไหน  เดี๋ยวก็เสือปากแดง วัวเขาอ่อน   เดี๋ยวก็ใจอ่อนสึกไปกับเขาอีก   เดี๋ยวพอมันได้เงินเป็นสิบเป็นร้อยล้าน เดี๋ยวมันก็สึกเอาเงินไปอีก  เดี๋ยวจะหาว่าพระองค์นี้อวดเก่ง  เป็นลักษณะนั้น  เดี๋ยวรอให้แก่อีกนิด จะแสดงความเก่งให้ดู  ตอนนี้ไปพูดไปเล่าแค่นี้มันก็จะอวดเก่งอยู่แล้ว  แต่ก็ไม่รู้นะ  แต่ก็แสดงให้เห็นอยู่จริงไหม  สิ่งที่เรามีอุดมการณ์ เราก็แสดงออกให้โยมเห็นอยู่  เงินซักบาท ซักตังค์ ซักลึง  เราไม่เคยยุ่งจริงๆนะ ได้มาเท่าไหร่ สร้างเท่านั้นมันเลยเป็นอย่างนี้  และเราก็ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติพอสมควร  อยู่ในเพศสมณะพอสมควรอีกต่างหาก  ก็แสดงให้เห็นสมควรที่ออกจากใจเรา  ที่มุ่งมั่นเหมือนกัน  เอ่อตอนนี้เจ๊หยัดเพื่อจะอธิษฐาน ไม่สายนะตอนนี้  ห้าหกสิบ ไม่สายหรอก  แต่จริงๆ น่าจะอธิษฐานตั้งแต่ สิบกว่าขวบไม่ใช่มาอธิษฐานตอนห้าหกสิบนะโยม  เห็นอาจารย์ท่านอธิษฐานเอาบ้างซิ  อืม  ตอนอาจารย์อธิษฐานก็อายุ 19 – 20 แล้วก็อธิษฐานมาทุกๆปี    ฉันมาห้าหกสิบปีไม่สาย  อาจารย์ว่า ไม่สายนะ อธิฐานเลยขอบวชเป็นชี  ขอให้ได้บวชเป็นชีทุกชาติแล้วขอให้ได้บวชตลอดชีวิตทุกชาติเลยไอ้ที่มีอยู่นะโยม  ของโยมนั่นนะ สิบกว่าห้องที่โค้งวิไล ชาติต่อไปโยมมียิ่งกว่านี้อีก ก็เรามาบวชอยู่อย่างนี้มันจะมีได้ยังไง  ขอเอาตัวอย่างง่ายๆนะ  แค่เจ๊หยัดชาตินี้มี ๑๐ กว่าห้องมีร้านค้ามีห้องเช่ามีอะไร  แถมมีที่ดินอีก  ถ้าเราสร้างกุศลเรื่อยชาติต่อไปมียิ่งกว่านี้อีก  แล้วไปกว่านั้นจะเป็นเหมือนพระพุทธเจ้าบางทีอาจจะเป็นเจ้าเมืองเลย เป็นเจ้าของทั้งจังหวัด เป็นเจ้าของทั้งประเทศ  ของพระพุทธเจ้าของเราเป็นเจ้าของทั้งประเทศ แต่เป็นไงทิ้งหมดเลย เดี๋ยวมันอิ่มเองนี่ยังไม่อิ่มนะนี่คุยให้ฟังคือยังไม่อิ่มกัน ถ้าอิ่มแบบพระพุทธเจ้าแล้วท่านทิ้งเลย ท่านมียิ่งกว่าเราท่านทิ้งเลย ท่านอิ่มแล้วแล้วดูเรานะ ๕๖๐ แล้วนะไม่รู้จะทำได้แค่ไหน จำเอาไว้ให้ดี อิ่มแล้วไม่รู้มันจะทำได้แค่ไหนอันนี้ก็ฝากสู่ญาติโยมฟัง
*****************************************
    


         ประกอบด้วยสถานแห่งนี้ที่สงบวิเวก  เป็นสถานที่อันสงัดจงทำให้เรานั้นทำสมาธิสงบได้ไว
วิธีทำสมาธินั้นท่านบางคนก็ทราบแล้วบางคนก็ยังไม่ทราบ  เราก็ตั้งกายเราให้ตรงดำรงสติของเราให้มั่น  ให้หายใจเข้าเราก็รู้-หายใจออกก็รู้ เข้าก็พุท ออกก็โธ  หายใจเข้าให้สติเราระลึกไปที่พุท  พอออกโธ
พุท-โธๆเรากำลังทำสมาธิเพื่อให้จิตใจของเราสงบและต้องการความสงบเมื่อสงบแล้วก็สุข  เมื่อสุขก็คือบุญของเรา  เราสร้างมาเพื่ออะไร  เราทำกันเพื่ออะไร ก็สร้างอำนาจตัวรู้คือปัญญามาควบคุมจิตควบคุมสติของเรา  สติมันระลึกได้สองทาง  มันระลึกได้ในทางไม่ดีนั้น ยับยั้งมันในวันหนึ่งๆเรามักเป็นเช่นนั้น
ก็คนที่ไม่ได้ฝึกสมาธิอบรมจิตมา สติไประลึกอะไรนั้น คิดรับรู้อะไรนั้นเป็นไปตามธรรมชาติธรรมดา
ไม่เคยคิดที่จะยับยั้งหักห้ามพิจารณาเอาอำนาจตัวรู้มาคุ้มครองดูแล จิตมันรับในสิ่งไม่ดี คิดในสิ่งไม่ดี
ระลึกในสิ่งไม่ดี  เราไม่เคยคิดที่มีอำนาจตัวรู้ตัวปัญญาคอยยับยั้ง  ก็เลยแสดงออกไปทางกาย วาจาที่ไม่ดี
ที่เป็นโทษเป็นเวรกรรมใหม่  พระอนุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเรา  พระตถาคตเจ้าของเรานั้น
ท่านทรงประเสริฐตรงนี้แหละ  หาวิถีทางดับทุกข์  ให้รูว่ามันเป็นไปอย่างนั้น แสดงไปอย่างนั้น คิดไปอย่างนั้น มันก่อให้เกิดความเดือดร้อน ก่อให้เกิดโทษ มันจึงเป็นทุกข์นั้นเอง เมื่อพิจารณาทุกข์ได้เช่นนั้นแล้วนั้น  ทุกข์ที่กลาง ทุกข์ละเอียดที่ปราณีตลงเป็นของคู่กับโลกมันก็เข้าใจยิ่งขึ้น แต่อันดับอันดาของการที่เราได้ฝึกอบรมในการสร้างตัวรู้นั้นเอง  ทุกข์นั้นมีตั้ง ๑๒ ประการ ที่เราสวดเมื่อเช้านี้ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่ว่าเป็นเรื่องธรรมดานั้นแหละเป็นความทุกข์  ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่หวงก็เป็นทุกข์  ปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์  ที่เราสวดท่องรูปังอนิจจา  เวทนาอนัตตา ทุกขังอนัตตาที่เราสวดเมื่อเช้า สัญญาอนัตตา ปฏิสังขารา วิญญาณนั้นนั่นแหละรูป นาม ขันธ์ทั้ง ๕ ก็เป็นทุกข์
มันไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา  ทีนี้เราก็จะรู้ถึงทุกข์ตามอันดับอันดาของธรรมชาติในสังขารที่เราเกิดมา
เมื่อเรารู้ทุกข์ในสิ่งเราจะกระทำ ในกายที่จะกระทำ ในวาจาที่จะพูด จิตใจนึกคิดปรุงแต่ง เราก็ย่อมมีโอกาสมีปัญญามีอำนาจตัวรู้ที่รู้ยิ่งๆขึ้งไป  รู้ถึงทุกข์ทั้งหยาบ กลาง ละเอียดของคำที่ได้อบรม  ปัญญาที่ได้สร้างมา  ใช้สตินั้นทำหน้าที่อีกทาง ระลึกไปในทางที่ดี  แต่คนที่จะระลึกไปในทางที่ดีนั้นต้องอาศัยการฝึกฝนอบรม  ถ้าไม่เคยได้ฝึกฝนอบรม อ่าน ฟัง ศึกษามา เห็นมาและมาฝึกฝนอบรมจิตใจเราให้ดี
**************************************





สภาพและตำแหน่งที่ตั้ง

สภาพและตำแหน่งที่ตั้ง

                วัดป่าธรรมธารา  ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาน้ำอุ่น  ห่างจากโรงพยาบาลปางศิลาทองประมาณ  500  เมตร  อยู่ห่างจากโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ 2 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากตัวอำเภอปางศิลาทองประมาณ  7 กิโลเมตร   อยู่ติดถนนสาย  คลองลาน ลาดยาว  วัดตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาน้ำอุ่น   ในอดีตเคยเป็นเทือกเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง  แต่เนื่องจากได้ถูกชาวบ้านและนายทุนบุกรุกแผ้วถาง  จนกลายสภาพเป็นภูเขาหัวโล้นโล่งเตียนและเกิดไฟไหม้ป่าขึ้นทุกปี  จนกระทั่งบริเวณเทือกเขาได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งหนึ่งจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถชื่อว่า " โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ "  และจากการช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่ป่า  ซึ่งนำโดยท่านพระครูธรรมธรวิชัย   อภิฐาโน  ภายหลังจากที่ท่านได้เดินทางมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมธารา
                จนในปัจจุบันสภาพป่าที่เคยเสื่อมโทรมค่อยๆ  กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง   และท่านพระครูธรรมธรวิชัย   อภิฐาโน  ได้เป็นผู้ชักนำให้ชาวบ้านได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม  โดยการร่วมกับชาวบ้านและหน่วยงานราชการได้ช่วยกันอนุรักษ์ และปลูกป่าซ่อมแซมในวาระสำคัญ ๆ   ต่าง ๆ

บ่อน้ำอุ่นธรรมชาติ            

ในอดีตจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในยุคแรก ๆ ที่ได้มีการย้ายถิ่นฐานมาอยู่บริเวณนี้เล่าว่า  เดิมบริเวณแห่งนี้เป็นป่ารกทึบ  และได้มีชาวบ้านเข้าไปหาของป่าและทำไร่ในบริเวณนั้นแล้วพบแหล่งน้ำธรรมชาติซึ่งมีขนาดความกว้างเท่ากับรอยเท้าช้าง  รอย อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน  บ่อที่ คือ บ่อน้ำเย็น  บ่อที่ 2 คือ บ่อน้ำร้อน

         ซึ่งชาวได้ทดลองนำไข่ไปต้มในบ่อน้ำร้อนพบว่าไข่สุก  ขณะนั้นชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

ใช้รักษาโรคได้  นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเล่าอีกว่าได้พบแสงประหลาดไม่ทราบว่ามาจากที่ใด  แต่มักจะปรากฎอยู่บริเวณบ่อน้ำนั้น จนกล่าวขานกันว่า บริเวณนี้มีเหล็กไหล  จนกระทั่งมีชาวกลุ่มหนึ่งพากันมาค้นหาเหล็กไหล  แต่ไม่สามารถค้นหาได้  ต่อมามีพระภิกษุซึ่งนับว่าเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดพร้อมด้วยชาวบ้านมีความคิดว่าจะขยายบ่อน้ำเพื่อบูรณะและใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำร้อน แต่มีเหตุการณ์ประหลาดจนในที่สุดก็ไม่สามารถขุดขยายได้จึงล้มเลิกโครงการนี้ไปจากเหตุการณ์นี้ทำให้บ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำเย็นรวมจนเป็นบ่อเดียวกันซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกว่า บ่อน้ำอุ่น
                ชาวบ้านยุคแรกที่เข้ามาใช้ประโยชน์ในบริเวณบ่อน้ำอุ่น  ได้แก่ พ่อใหญ่แท่น  เยาว์ไธสงค์  (ผู้ให้ข้อมูล)  , พ่อใหญ่ส่ง   ม่วงเรือง, พ่อใหญ่ทุย   พรหมแสง , พ่อใหญ่เหนาะ  สวนมีสาร  และนายพลอย  อ่อนสม  ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินใกล้บ่อน้ำอุ่น
                ในปัจจุบัน ได้มีชาวบ้านใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำอุ่น โดยต่อท่อ พีวีซี ไปใช้ในการอุปโภคบริโภคหลายร้อยหลังคาเรือน คาดไม่ถึงว่าน้ำจากบ่อเล็ก ๆ ในเทือกเขาน้ำอุ่นแห่งนี้ จะสามารถหล่อเลี้ยงชาวบ้านเขาน้ำอุ่นได้เกือบทั้งหมู่บ้าน
                แหล่งน้ำสำคัญ   :   ภายในบริเวณวัดป่าธรรมธาราแห่งนี้ ประกอบด้วยแหล่งน้ำที่มีความสำคัญอยู่  แห่ง  ได้แก่  บ่อน้ำอุ่น   และบ่อน้ำเย็น 
               1. บ่อน้ำอุ่น   เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีน้ำซึมมาจากใต้ดินไหลตลอดทั้งปีน็น้hhhhhhhhhhซึ่งมีความสำคัญเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของชาวบ้านหมู่บ้านเขาน้ำอุ่นก็ว่าได้  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  เพราะชาวบ้านได้ใช้น้ำในบ่อนี้ในการอุปโภค บริโภค
                2. บ่อน้ำเย็น    เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีน้ำซึมมาจากใต้ดินไหลออกตลอดทั้งปี ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้นำมาใช้สำหรับอุปโภค บริโภค ภายในวัดเท่านั้น  เดิมทีเป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ   พบภายหลังบ่อน้ำอุ่น  ต่อมาได้มีการขุดลอกขยายเพื่อใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
                เป็นที่น่าสังเกตุว่าบ่อน้ำทั้ง ตั้งอยู่ขนาบข้างของวัด
  ต่อมาท่านพระครูธรรมธรวิชัย   อภิฐาโน ได้เล็งเห็นประโยชน์จากบ่อน้ำเย็น จึงมีโครงการขุดลอกสระน้ำเพิ่มเติมภายในบริเวณวัดจำนวน  สระ  เพื่อให้ประชาชนได้นำไปใช้ทำการเกษตรต่าง ๆ ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งได้ขุดสระใหญ่ไว้ให้ญาติโยมสำหรับปล่อยปลา  หรือ พาลูกหลานมาเลี้ยงปลาในเวลาว่าง