วัดป่าธรรมธารา (เขาน้ำอุ่น) ตั้งอยู่หมู่ที่ ๔ บ้านเขาน้ำอุ่น ต.หินดาต อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗ โดยชาวบ้านเขาน้ำอุ่น ได้แก่ พ่อใหญ่แท่น และนายคำพลอย ร่วมกันถวายที่ดินคนละ ๖ ไร่ นางน้อย ถวายที่ดิน ๑ ไร่ รวมถวายที่ดินทั้งหมด ๑๓ ไร่
แด่ท่านหลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี หมู่บ้านเขาน้ำอุ่นนี้มีครัวเรือนประมาณ ๒๕๘ ครัวเรือน ประชากรจำนวน ๑,๒๗๖ คน
สภาพและตำแหน่งที่ตั้ง
วัดป่าธรรมธารา ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาน้ำอุ่น ห่างจากโรงพยาบาลปางศิลาทองประมาณ 500
เมตร
อยู่ห่างจากโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ 2 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากตัวอำเภอปางศิลาทองประมาณ 7 กิโลเมตร อยู่ติดถนนสาย คลองลาน – ลาดยาว วัดตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาน้ำอุ่น
ในอดีตเคยเป็นเทือกเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง
แต่เนื่องจากได้ถูกชาวบ้านและนายทุนบุกรุกแผ้วถาง จนกลายสภาพเป็นภูเขาหัวโล้นโล่งเตียนและเกิดไฟไหม้ป่าขึ้นทุกปี
จนกระทั่งบริเวณเทือกเขาได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งหนึ่งจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถชื่อว่า
" โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ " และจากการช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่ป่า ซึ่งนำโดยท่านพระครูธรรมธรวิชัย อภิฐาโน ภายหลังจากที่ท่านได้เดินทางมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมธารา
จนในปัจจุบันสภาพป่าที่เคยเสื่อมโทรมค่อยๆ กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง และท่านพระครูธรรมธรวิชัย อภิฐาโน
ได้เป็นผู้ชักนำให้ชาวบ้านได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม
โดยการร่วมกับชาวบ้านและหน่วยงานราชการได้ช่วยกันอนุรักษ์
และปลูกป่าซ่อมแซมในวาระสำคัญ ๆ ต่าง ๆ
วัดป่าธรรมธารา ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาน้ำอุ่น ห่างจากโรงพยาบาลปางศิลาทองประมาณ 500
เมตร
อยู่ห่างจากโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ 2 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากตัวอำเภอปางศิลาทองประมาณ 7 กิโลเมตร อยู่ติดถนนสาย คลองลาน – ลาดยาว วัดตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาน้ำอุ่น
ในอดีตเคยเป็นเทือกเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง
แต่เนื่องจากได้ถูกชาวบ้านและนายทุนบุกรุกแผ้วถาง จนกลายสภาพเป็นภูเขาหัวโล้นโล่งเตียนและเกิดไฟไหม้ป่าขึ้นทุกปี
จนกระทั่งบริเวณเทือกเขาได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งหนึ่งจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถชื่อว่า
" โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ " และจากการช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่ป่า ซึ่งนำโดยท่านพระครูธรรมธรวิชัย อภิฐาโน ภายหลังจากที่ท่านได้เดินทางมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมธารา
จนในปัจจุบันสภาพป่าที่เคยเสื่อมโทรมค่อยๆ กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง และท่านพระครูธรรมธรวิชัย อภิฐาโน
ได้เป็นผู้ชักนำให้ชาวบ้านได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม
โดยการร่วมกับชาวบ้านและหน่วยงานราชการได้ช่วยกันอนุรักษ์
และปลูกป่าซ่อมแซมในวาระสำคัญ ๆ ต่าง ๆ
ที่มาของบ่อน้ำอุ่น
ในอดีตจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในยุคแรก
ๆ ที่ได้มีการย้ายถิ่นฐานมาอยู่บริเวณนี้เล่าว่า
“
เดิมบริเวณแห่งนี้เป็นป่ารกทึบ
และได้มีชาวบ้านเข้าไปหาของป่าและทำไร่ในบริเวณนั้นแล้วพบแหล่งน้ำธรรมชาติซึ่งมีขนาดความกว้างเท่ากับรอยเท้าช้าง 2 รอย อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน บ่อที่ 1 คือ บ่อน้ำเย็น บ่อที่ 2 คือ
บ่อน้ำร้อน
ในอดีตจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในยุคแรก
ๆ ที่ได้มีการย้ายถิ่นฐานมาอยู่บริเวณนี้เล่าว่า
“
เดิมบริเวณแห่งนี้เป็นป่ารกทึบ
และได้มีชาวบ้านเข้าไปหาของป่าและทำไร่ในบริเวณนั้นแล้วพบแหล่งน้ำธรรมชาติซึ่งมีขนาดความกว้างเท่ากับรอยเท้าช้าง 2 รอย อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน บ่อที่ 1 คือ บ่อน้ำเย็น บ่อที่ 2 คือ
บ่อน้ำร้อน
ซึ่งชาวบ้านได้ทดลองนำไข่ไปต้มในบ่อน้ำร้อนพบว่าไข่สุก ขณะนั้นชาวบ้านเชื่อกันว่า
เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
ใช้รักษาโรคได้ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเล่าอีกว่าได้พบแสงประหลาดไม่ทราบว่ามาจากที่ใด แต่มักจะปรากฎอยู่บริเวณบ่อน้ำนั้น
จนกล่าวขานกันว่า “บริเวณนี้มีเหล็กไหล” จนกระทั่งมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพากันมาค้นหาเหล็กไหล แต่ไม่สามารถค้นหาได้
ต่อมามีพระภิกษุซึ่งนับว่าเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดพร้อมด้วยชาวบ้านมีความคิดว่าจะขยายบ่อน้ำเพื่อบูรณะและใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำร้อน
แต่มีเหตุการณ์ประหลาดจนในที่สุดก็ไม่สามารถขุดขยายได้จึงล้มเลิกโครงการนี้ไปจากเหตุการณ์นี้ทำให้บ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำเย็นรวมเป็นบ่อเดียวกันซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกว่า
“บ่อน้ำอุ่น”
ชาวบ้านยุคแรกที่เข้ามาใช้ประโยชน์ในบริเวณบ่อน้ำอุ่น ได้แก่ พ่อใหญ่แท่น เยาว์ไธสงค์
(ผู้ให้ข้อมูล) , พ่อใหญ่ส่ง ม่วงเรือง, พ่อใหญ่ทุย พรหมแสง , พ่อใหญ่เหนาะ สวนมีสาร
และนายพลอย อ่อนสม ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินใกล้บ่อน้ำอุ่น
ในปัจจุบัน
ได้มีชาวบ้านใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำอุ่น โดยต่อท่อ พีวีซี ไปใช้ในการอุปโภคบริโภคหลายร้อยหลังคาเรือน
คาดไม่ถึงว่าน้ำจากบ่อเล็ก ๆ ในเทือกเขาน้ำอุ่นแห่งนี้
จะสามารถหล่อเลี้ยงชาวบ้านเขาน้ำอุ่นได้เกือบทั้งหมู่บ้าน
แหล่งน้ำสำคัญ : ภายในบริเวณวัดป่าธรรมธาราแห่งนี้
ประกอบด้วยแหล่งน้ำที่มีความสำคัญอยู่ 2 แห่ง ได้แก่
บ่อน้ำอุ่น และบ่อน้ำเย็น
1. บ่อน้ำอุ่น เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีน้ำซึมมาจากใต้ดินไหลตลอดทั้งปีซึ่งมีความสำคัญเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของชาวบ้านหมู่บ้านเขาน้ำอุ่นก็ว่าได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะชาวบ้านได้ใช้น้ำในบ่อนี้ในการอุปโภค
บริโภค
2. บ่อน้ำเย็น เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีน้ำซึมมาจากใต้ดินไหลออกตลอดทั้งปี
ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้นำมาใช้สำหรับอุปโภค บริโภค ภายในวัดเท่านั้น เดิมทีเป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ พบภายหลังบ่อน้ำอุ่น ต่อมาได้มีการขุดลอกขยายเพื่อใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
เป็นที่น่าสังเกตว่าบ่อน้ำทั้ง
2 ตั้งอยู่ขนาบข้างของวัด
ต่อมาท่านพระครูธรรมธรวิชัย
อภิฐาโน ได้เล็งเห็นประโยชน์จากบ่อน้ำเย็น
จึงมีโครงการขุดลอกสระน้ำเพิ่มเติมภายในบริเวณวัดจำนวน 7
สระ
เพื่อให้ประชาชนได้นำไปใช้ทำการเกษตรต่าง ๆ ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ
พร้อมทั้งได้ขุดสระใหญ่ไว้ให้ญาติโยมสำหรับปล่อยปลา หรือ พาลูกหลานมาเลี้ยงปลาในเวลาว่าง
ใช้รักษาโรคได้ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเล่าอีกว่าได้พบแสงประหลาดไม่ทราบว่ามาจากที่ใด แต่มักจะปรากฎอยู่บริเวณบ่อน้ำนั้น
จนกล่าวขานกันว่า “บริเวณนี้มีเหล็กไหล” จนกระทั่งมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพากันมาค้นหาเหล็กไหล แต่ไม่สามารถค้นหาได้
ต่อมามีพระภิกษุซึ่งนับว่าเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดพร้อมด้วยชาวบ้านมีความคิดว่าจะขยายบ่อน้ำเพื่อบูรณะและใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำร้อน
แต่มีเหตุการณ์ประหลาดจนในที่สุดก็ไม่สามารถขุดขยายได้จึงล้มเลิกโครงการนี้ไปจากเหตุการณ์นี้ทำให้บ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำเย็นรวมเป็นบ่อเดียวกันซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกว่า
“บ่อน้ำอุ่น”
ชาวบ้านยุคแรกที่เข้ามาใช้ประโยชน์ในบริเวณบ่อน้ำอุ่น ได้แก่ พ่อใหญ่แท่น เยาว์ไธสงค์
(ผู้ให้ข้อมูล) , พ่อใหญ่ส่ง ม่วงเรือง, พ่อใหญ่ทุย พรหมแสง , พ่อใหญ่เหนาะ สวนมีสาร
และนายพลอย อ่อนสม ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินใกล้บ่อน้ำอุ่น
ในปัจจุบัน
ได้มีชาวบ้านใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำอุ่น โดยต่อท่อ พีวีซี ไปใช้ในการอุปโภคบริโภคหลายร้อยหลังคาเรือน
คาดไม่ถึงว่าน้ำจากบ่อเล็ก ๆ ในเทือกเขาน้ำอุ่นแห่งนี้
จะสามารถหล่อเลี้ยงชาวบ้านเขาน้ำอุ่นได้เกือบทั้งหมู่บ้าน
แหล่งน้ำสำคัญ : ภายในบริเวณวัดป่าธรรมธาราแห่งนี้
ประกอบด้วยแหล่งน้ำที่มีความสำคัญอยู่ 2 แห่ง ได้แก่
บ่อน้ำอุ่น และบ่อน้ำเย็น
1. บ่อน้ำอุ่น เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีน้ำซึมมาจากใต้ดินไหลตลอดทั้งปีซึ่งมีความสำคัญเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของชาวบ้านหมู่บ้านเขาน้ำอุ่นก็ว่าได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะชาวบ้านได้ใช้น้ำในบ่อนี้ในการอุปโภค
บริโภค
2. บ่อน้ำเย็น เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีน้ำซึมมาจากใต้ดินไหลออกตลอดทั้งปี
ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้นำมาใช้สำหรับอุปโภค บริโภค ภายในวัดเท่านั้น เดิมทีเป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ พบภายหลังบ่อน้ำอุ่น ต่อมาได้มีการขุดลอกขยายเพื่อใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
เป็นที่น่าสังเกตว่าบ่อน้ำทั้ง
2 ตั้งอยู่ขนาบข้างของวัด
ต่อมาท่านพระครูธรรมธรวิชัย
อภิฐาโน ได้เล็งเห็นประโยชน์จากบ่อน้ำเย็น
จึงมีโครงการขุดลอกสระน้ำเพิ่มเติมภายในบริเวณวัดจำนวน 7
สระ
เพื่อให้ประชาชนได้นำไปใช้ทำการเกษตรต่าง ๆ ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ
พร้อมทั้งได้ขุดสระใหญ่ไว้ให้ญาติโยมสำหรับปล่อยปลา หรือ พาลูกหลานมาเลี้ยงปลาในเวลาว่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น